Monday, November 9, 2015

สำนักปฏิบัติธรรมกับลานเบียร์

สำนักปฏิบัติธรรมกับลานเบียร์ : ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อเอ่ยถึงธุรกิจสีเทาแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่จะเบือนหน้าหนี แต่มีการประเมินเอาไว้คร่าวๆ ว่า เม็ดเงินที่ไหลผ่านธุรกิจสีเทาของประเทศไทยก่อนหที่ คสช.จะเข้ามานั้น อย่างน้อย 1 ใน 3 ของจีดีพี ธุรกิจสีเทาที่ว่า ครอบคลุมเรื่องเพศพาณิชย์ บ่อนการพนันนอกกฎหมาย เงินกู้นอกระบบ ของเถื่อน ค้ามนุษย์ ทุจริตคอร์รัปชั่น เม็ดเงินที่ไหลเวียนในธุรกิจสีเทาไม่ได้จำกัดเฉพาะแวดวงที่เกี่ยวข้องเท่านั้น หากแต่ห่วงโซ่สีเทานั้นเกี่ยวพันไปถึงการดำเนินชีวิต การทำธุรกิจที่เป็นปกติ จนที่สุดแล้ว ยากที่จะแยกได้ว่า ระหว่าง สีเทา กับสีขาว หรือสีดำนั้น มีสัดส่วนเท่าไหร่ รับรู้แต่เพียงว่า อาชีพที่ต่อเนื่องจากธุรกิจสีเทานั้น มีมากมาย และมีมูลค่าที่ไม่อาจวัดได้ ภายหลัง คสช.เข้ามาจัดระเบียบสังคม “ธุรกิจสีเทา” เหล่านี้ก็ค่อยๆ หายไป จะหายไปอย่างสิ้นเชิง หรือหายไปชั่วคราว ก็ว่ากันไป แต่ระยะเวลาปีสองปีนับจากนี้ หากจะอยู่ก็ต้องอยู่ให้เป็น จะเลือกเป็นสนลู่ลม หรือจะเบ่งกล้ามสู้ ก็แล้วแต่ทางเลือก อีกเรื่องหนึ่งที่ คสช.ดูจะให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษก็คือ การจัดระเบียบสถานบันเทิง ซึ่งก็ยากที่จะเรียกตนเองเป็นอย่างอื่น เพราะอย่างน้อยๆ สถานบันเทิงเหล่านี้ก็ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นเครื่องดื่มที่สร้างปัญหาจนถึงขั้นต้องออกกฎหมายมาควบคุมในยุค พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแลเป็นพิเศษกันเลยทีเดียว ดูเนื้อหาแล้ว ดูเหมือนว่า กฎหมายจะมุ่งเอาผิด “ผู้ขาย” เพราะห้ามนั่นนี่เยอะแยะไปหมด ขนาดมีภาพขาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็น เหล้า เบียร์ ไวน์ ไว้ในเมนูอาหาร ก็ยังถือว่าผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ว่า หากตั้งให้เห็นไม่ว่าจะเป็นในร้าน นอกร้าน ล้วนถือว่าเป็นการจูงใจให้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น บรรดาดาราทั้งหลายที่ไปถ่ายภาพคู่กับเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง แล้วโดนเรียกไปชี้แจงนั่น จะมาโอดครวญว่า ไม่รู้เรื่อง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คงจะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมกันแล้วล่ะ เพราะหากว่าตามกฎหมาย ทำอย่างนั้นล้วนแต่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจริงๆ เรื่องนี้ แรกทีเดียวกระแสหนุน หมอสมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หนุนให้หมอสมานจัดการเต็มที่ เพราะถือว่าดาราเหล่านี้มีส่วนชี้นำผู้คนในสังคม อย่างที่บอก แรกๆ ก็หนุนหมอ จัดการ “ไอดอล” ให้อยู่กะร่องกะรอย แต่ระยะหลังหมอเล่นจะเลยไปจัดการลานเบียร์ ที่อีกไม่กี่วันเทศกาลลานเบียร์ก็จะมีขึ้น เพราะลานเบียร์จะจัดขึ้นในช่วงเทศกาลหน้าหนาว แต่ในมุมของหมอ มองว่า เทศกาลเหล่านี้นี่แหละที่ไปสนับสนุนให้ผู้คนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งหากมองตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มันก็พอจะว่าอย่างนั้นได้ แต่เรื่องอย่างนี้มันก็เหมือน “เหรียญสองด้าน” การตัดสินใจทำอะไรลงไปมันเหมือนมี “ดาบสองคม” ไม่ต่างจากวันหนึ่งที่ตำรวจจราจรไปจับลูกจ้างที่ขับรถเถ้าแก่ไปยางแตกบนวงแหวนอุตสาหกรรมนั่นแหละ...โทษฐานใช้ยานพาหนะที่ไม่พร้อมใช้งาน แต่ถ้าไปเทียบกับตำรวจอัมพวา ได้รับแจ้งเหตุรถกระบะยางระเบิดอยู่ริมทาง แล้วรีบบึ่งไปช่วยเหลือเปลี่ยนยางให้เรียบร้อย หรืออีกกรณีที่จำไม่ได้ว่า ที่ไหน มีหนุ่มโรงงานใช้เงินหมดจนไม่มีสตางค์ไปปะยางรถมอเตอร์ไซค์ ตำรวจไปเจอ แล้วให้ยืมเงินไปปะยาง ความรู้สึกที่ประชาชนมีต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐมันต่างกันราวฟ้ากับเหว! เรื่องอย่างนี้ก็ไม่ต่างกับที่หมอสมานคิดจะทำนั่นแหละ ถ้าจะเอากันทุกเม็ดก็คงไม่สามารถให้บ้านนี้เมืองนี้เต็มไปด้วยสำนักปฏิบัติธรรมได้หรอก

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน 2558

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

คำสำคัญ: , คมชัดลึก

No comments:

Post a Comment