"รัฐช่วย สวรรค์แกล้ง"แต่ไม่แล้งน้ำใจ : พะเยาว์ ทองศรี ศพจ.เพชรบูรณ์ เรื่อง/ภาพ
“โครงการให้กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน” เป็นอีกภารกิจหนึ่งของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน (รง.) ที่ดำเนินการมากว่า 10 ปี การให้กู้ยืมหยุดดำเนินการไป เนื่องจากประสบปัญหาการบริหารจัดการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ เกิดภาวะหนี้เสีย การจัดการติดตามหนี้รูปแบบใหม่จึงกำหนดให้หน่วยงานสังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่อยู่ในพื้นที่ทั้ง 77 จังหวัด เป็นผู้ดำเนินการติดตามหนี้ ดำเนินการฟ้อง จนถึงการบังคับคดีกับลูกหนี้ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดนั้นๆ การรับหน้าที่ใหม่ใน “สายงานวิชาการ” แต่ต้องมาทำหน้าที่ในการติดตามหนี้ การดำเนินการฟ้องคดี จนถึงการเข้ายึดทรัพย์ บังคับคดี เป็นงานใหม่ที่ท้าทายของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็แอบวิตกกังวลไม่ได้ว่า จะทำหน้าที่นี้ได้ดีขนาดไหน เพราะเราจบสายบัญชี ไม่ได้จบกฎหมาย วันหนึ่งของการทำหน้าที่ติดตามลูกหนี้กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน กลุ่มที่ต้องถูกดำเนินการบังคับคดี เนื่องจากไม่ชำระหนี้เลย ตั้งแต่ศาลมีคำพิพากษา ในเขต อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 5 ราย อ.หล่มสัก อยู่ไม่ไกลจาก อ.เมือง มากนัก เพียง 50 กิโลเมตร ขับรถไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงตัวอำเภอ แต่ที่ใช้เวลานานมากๆ คือการค้นหาที่ตั้งของบ้านลูกหนี้แต่ละราย เป้าหมายแรกที่เราต้องไปพบคือ “ผู้ใหญ่บ้าน” การออกติดตามลูกหนี้ในวันนี้ บางรายเราพบตัวผู้กู้ยืม บางรายเราพบเพียงผู้ค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่คือพ่อหรือแม่ และบางรายเราไม่พบใครเลย มีเพียงบ้านร้าง ไม่มีเจ้าของบ้านอยู่อาศัย จากการสอบถามคนในหมู่บ้านเดียวกันก็ทราบว่า ได้ย้ายไปทำงานในกรุงเทพฯ บ้าง จังหวัดอื่นบ้าง ลูกหนี้รายสุดท้ายของวันนี้ ทำให้พวกเรารู้สึกเศร้าใจ พูดอะไรแทบไม่ออก หญิงชราคนหนึ่งนอนเล่นอยู่ในเพิงไม้เก่าๆ ตามลำพัง จากการพูดคุยกับคุณยาย เราจึงทราบว่า ชื่อ “นางตัน ทองเพ็ง” อายุ 72 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 11 ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เป็นแม่ของ “นายสมจิตร ทองเพ็ง” ผู้ที่กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อนำเงินกู้ยืมไปเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอาชีพ สาขาพาณิชยราชนาวี หญิงชราบอกว่า เป็นผู้ค้ำประกันการกู้ยืมเงินกู้เงินต้น 3.2 หมื่นบาท ยื่นกู้เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2545 หรือเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา หวังให้ลูกชาย (นายสมจิตร ทองเพ็ง ขณะยื่นกู้ฯ อายุ 19 ปี) ผู้ที่หญิงชราเก็บมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ได้มีอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัว และหวังที่จะฝากผีฝากไข้เมื่อยามแก่ชรา เธอเล่าต่อว่า หลังจากเรียนจบ มีผู้ติดต่อให้ไปทำงานด้วย โดยให้ค่าจ้างเดือนละ 2 หมื่นบาท แต่ลูกชายปฏิเสธ ขณะที่เล่าใบหน้าของหญิงชราเริ่มมีน้ำใสๆ ไหลอาบแก้ม พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า หลังจากนั้นเธอกับลูกชายก็ถกเถียงกัน จนในที่สุดลูกชายหนีออกไปจากบ้าน ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย เป็นเวลานาน 3 ปีกว่าแล้ว “นางตัน ทองเพ็ง” มีรายได้จากเบี้ยยังชีพคนชราตกเดือนละ 700 บาท เพื่อใช้จ่ายในการซื้อหาอาหาร มีญาติมาดูแลบ้างตามอัตภาพ ฟังยายตันเล่าเรื่องราวชีวิตอยู่พักใหญ่ เรากับน้องที่ไปด้วยกันได้แต่มองหน้ากันไปมาพูดอะไรไม่ออก ไม่กล้าแม้แต่จะบอกยอดหนี้ และไม่สามารถบอกเธอได้เลยว่า "ลูกชายและคุณยายกำลังจะถูกบังคับคดี" ยึดที่ดินที่มีบ้านพักอาศัยของยาย หน้าที่เป็นสิ่งที่เราต้องทำและรับผิดชอบ แต่คุณธรรมก็ยังคงต้องยึดถือเป็นหลักประจำใจ เหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้สึกเศร้าเหลือเกิน.. เหมือนเรากำลังรังแกคนยากจน ไร้ที่พึ่ง รัฐให้เงินกู้ยืมเพื่อช่วยเหลือให้คนมีโอกาสได้เรียนรู้ สามารถประกอบอาชีพ มีชีวิตที่ดีขึ้น วันนี้เรากลับกำลังจะทำให้ผู้สูงวัยคนหนึ่งไร้ที่อยู่อาศัย แต่ยอดหนี้ก็เกินกว่ากำลังของเราเพียงคนเดียว ข่าวการออกติดตามหนี้ “ยายตัน ทองเพ็ง” ถูกนำไปเล่าในกลุ่มไลน์ของเพื่อนๆ เราจึงพบว่า น้ำใจของคนไทยช่างดีเหลือเกิน ภายในค่ำคืนเดียวมีผู้แจ้งความประสงค์พร้อมโอนเงินเกือบ 4 หมื่นบาท เพื่อปิดหนี้ให้ "ยายตัน ทองเพ็ง" ณ วันนี้ของ “ยายตัน ทองเพ็ง” และ “ลูก” เป็นอิสระแล้ว กู้เงินต้น 32,000 บาท ดอกเบี้ย 12,013.15 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 44,013.15 บาท
ตามระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานว่าด้วยการให้กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 ลงประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 132 ตอนพิเศษ 168 ง วันที่ 21 กรกฎาคม 2558 แก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องการประนอมหนี้ภายหลังศาลมีคำพิพากษา สามารถประนอมหนี้ภายหลังมีคำพิพากษาได้ โดยชำระเพียงเงินต้น ค่าทนายความ และค่าฤชาธรรมเนียม ให้งดเว้นดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ กรณีของ “ยายตัน ทองเพ็ง” จึงปิดบัญชีเพียงคราวเดียว ด้วยยอดเงินจำนวน 32,000 บาท เนื่องจากค่าทนายความและค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ ดอกเบี้ย 12,013.15 บาท ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระ อนึ่ง กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานได้ค่าดำเนินการให้เงินกู้ยืมตั้งแต่ปี 2540-2545 มีหน่วยงานที่ดำเนินการให้เงินกู้ยืมจำนวน 28 แห่ง มีผู้กู้ยืมจำนวนทั้งสิ้น 28,872 ราย โดยให้กู้จากเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรจำนวน 620 ล้านบาท และเงินที่ชำระคืนจากลูกหนี้ รวมเงินให้กู้ยืมจำนวน 713,374,061 บาท ปิดบัญชีแล้วจำนวน 20,956 ราย จำนวนเงินชำระคืน 520,274,137.21 บาท คงเหลือลูกหนี้ค้างชำระ จำนวน 7,916 ราย จำนวนเงินที่ค้างชำระ 193,099,923.79 บาท
วันอังคารที่ 26 เมษายน 2559
ขอบคุณแหล่งข้อมูล: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
คำสำคัญ: , คมชัดลึก
No comments:
Post a Comment