Wednesday, December 23, 2015

เศรษฐีใจบุญบริจาคเพิ่มจาก๒๘ล้านบูรณะพระธาตุเมืองคอน

เศรษฐี "จิมมี่ ชวาลา"ประกาศพร้อมบริจาคเพิ่ม หากบริจาค 28 ล้านยังไม่พอชวนพุทธศาสนิกชนร่วมบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช อธิบดีกรมศิลป์ไม่ฟันธงเกิดสนิม

ที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อ 23 ธ.ค.58 ภายหลังนายจิมมี่ ชวาลา อายุ 58 ปี เศรษฐีใจบุญเจ้าของห้างผ้า “จิมมี่” อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่บริจาคเงิน 28 ล้านบาทจนสร้างความตกตะลึงให้กับสังคมและสร้างชื่อเสียงให้กับนครศรีธรรมราชอย่างมาก ล่าสุดนายจิมมี่ ชวาลา ได้เปิดแถลงถึงวัตถุประสงค์และความคืบหน้าในการบริจาคเงินจำนวน 28 ล้านบาท เพื่อบูรณะองค์พระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารอีกครั้ง ซึ่งได้บริจาคผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ตามที่ตั้งใจไว้ได้แล้ว โดยล่าสุดทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ได้แจ้งกลับมาแล้วว่า ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว และส่งมอบเงินให้กับกรมศิลปากรเพื่อนำมาใช้บูรณะปลียอดทองคำ ตามวัตถุประสงค์ นายจิมมี่ กล่าวต่อไปอีกว่า หลังมีการประกาศบริจาคเงิน 28 ล้าน ก็มีประชาชนที่มีความศรัทธาเดินทางไปที่ห้างผ้าจิมมี่ เพื่อร่วมบริจาคเงินทำบุญบูรณะพระธาตุเป็นจำนวนมาก ขณะนี้มีผู้มาบริจาคแล้วประมาณ 200 ซอง เป็นเงินประมาณ 300,000 บาท โดยตนขอให้เขียนชื่อที่อยู่และจำนวนเงินไว้อย่างชัดเจน และขอให้เงินบริจาคจากเป็นเงินที่เราเหลืออยู่ ถึงเวลาแล้วที่ลูกหลานชาวนครศรีธรรมราชร่วมแรงร่วมใจแสดงออกถึงการร่วมกันทำความดี เพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของชาวนครศรีธรรมราช มั่นใจว่าจะมีคนดีร่วมบริจาคอีกมาก ซึ่งหากไม่พอจะขอบริจาคเพิ่มตามกำลังที่มีต่อไป “ทราบว่าทางจังหวัดมีงบประมาณ 30 ล้านบาทเพื่อบูรณะ ตนบริจาค 28 ล้านบาท รวมเป็น 58 ล้านบาท แต่ในความเป็นจริงเราควรช่วยกันสมทบให้ถึง 100 ล้านบาท เนื่องจากที่ได้คาดการณ์เอาไว้ การบูรณะองค์พระบรมธาตุเจดีย์เมืองนครจะต้องใช้เงินประมาณถึง 200 ล้านบาท ซึ่งตนเกิดเมืองนคร โตที่เมืองนคร ต้องการให้องค์พระบรมธาตุมีความตระการตาตลอดไป และการบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์เพื่อไม่ให้เกิดคราบสนิมเกิดขึ้นอีกในอนาคต นายจิมมี่ กล่าว

อธิบดีกรมศิลป์ไม่ฟันธงสนิมองค์พระบรมธาตุเจดีย์ นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงกลุ่มงานช่างโลหะและศิราภรณ์ จากสำนักช่างสิบหมู่ นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และสถาปนิก ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช และชี้แจงถึงปัญหาการปรากฏสนิมบนปล้องไฉนองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งน่าเชื่อว่ามาจากปลียอดและกลีบบัวทองคำขององค์พระบรมธาตุ จนสร้างความกังวลให้กับพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยว รวมทั้งข้อสงสัยถึงสาเหตุของการเกิดปัญหาดังกล่าว โดยนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมผู้เกี่ยวข้องในทุกส่วนเข้าร่วมรับฟัง นายอนันต์ เปิดเผยว่า ข้อสรุปในเบื้องต้นที่มีการตรวจสอบพบแล้ว พบว่าสนิมที่ปรากฏเป็นคราบไหลลงมานั้นเกิดจาก 3 ส่วน คือ เหล็ก ตะกั่ว และดีบุก ที่อยู่หลังแผ่นทองคำที่บุอยู่บนปลียอดและกลีบบัวทองคำขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งมีออกไซน์ของโลหะทั้ง 3 ชนิด แต่ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนมากกว่านั้น ต้องมีการถอดรื้อแผ่นทองคำออกเพื่อทำการบูรณะ ก่อนจะชี้ชัดได้ว่ามีกระบวนการเกิดออกไซน์และไหลซึมลงมาได้อย่างไร ซึ่งจะเริ่มมีการเข้าบูรณะในเดือนมกราคม 2558 เป็นต้นไป และจะต้องใช้เทคนิคเชิงช่างแบบโบราณเข้าแก้ไขปัญหาระยะยาว ด้านนายสมควร อุ่มตระกูล ผู้อำนวยการสำนักช่างสิบหมู่ และนักวิทยาศาสตร์โบราณคดี ได้ชี้แจงถึงการใช้โลหะที่มี่ใช่ทอง ประกอบบนปลียอดซึ่งประกอบด้วยเหล็กที่เป็นโครงสร้างปูนปั้นกลีบบัว ดีบุกที่หุ้มแกนบนปลียอด รัดด้วยสแตนเลสสตีล ฉาบเคลือบด้วยไฟเบอร์และตะกั่วทับอีกชั้นก่อนจะเป็นทองคำ และมีตะปูเหล็กเคลือบสังกะสีตอกยึดแผ่นทองคำ ซึ่งการวิเคราะห์นั้นพบว่าคราบสนิมมาจากสิ่งเหล่านี้ ขณะที่นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า ต้องใช้เวลาในการคงตั้งโครงสร้างนั่งร้านต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะมีการซ่อมบูรณะแล้วเสร็จ ซึ่งขอให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจ เนื่องจากอาจทำให้ภูมิทัศน์ไม่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงประเพณีสำคัญๆทางพระพุทธศาสนา ซึ่งหลังจากการบูรณะเสร็จสิ้นแล้วทุกอย่างจะสวยงามเช่นเดิม

วันพุธที่ 23 ธันวาคม 2558

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

คำสำคัญ: , คมชัดลึก

No comments:

Post a Comment