Tuesday, November 11, 2014

มื่อเด็กเป็นแอลดี-เอดีเอชดีครู-พ่อแม่ต้องช่วยกัน

เมื่อเด็กเป็นแอลดี-เอดีเอชดีครู-พ่อแม่ต้องช่วยกัน : ถนัดกิจ จันกิเสนรายงาน

"พอดีเป็นครูแนะแนวอยู่แล้ว ก็จะสัมผัสกับเด็กพิเศษเหล่านี้โดยตรง ซึ่งแนวโน้มเด็กพิเศษไม่ว่าจะเป็นแอลดี หรือเอดีเอชดี คือในสังคมเรามันจะเยอะขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่เราเป็นครูที่คลุกอยู่กับเด็ก สัมผัสอยู่กับเด็กโดยตรงเราจำเป็นที่จะต้องหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อไปช่วยเด็กพิเศษเหล่านี้ และเพิ่มประสิทธิภาพช่วยเหลือเด็กทางการศึกษา ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ให้เจริญเติบโตเป็นคุณภาพแก่สังคมไทย" ภานุ โครตพิลา หรือครูเก่ง อายุ 39 ปี ครูแนะแนว โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กล่าว

ครูเก่งเล่าต่อว่า ในโรงเรียนไม่มีครูการศึกษาพิเศษ มีเพียงครูแนะแนวที่เน้นหนักทางด้านจิตวิทยา สิ่งที่พอจะช่วยเหลือเด็ก คือหาความรู้เพิ่มเติมจากการสัมมนา การอบรม ได้รับความรู้นำไปปรับใช้กับเด็กนักเรียนได้ มีเคสกรณีศึกษา แล้วก็มีสถานการณ์ที่จะสามารถนำไปใช้ได้จริงๆ ล่าสุด ครูเก่งได้เข้าอบรมโครงการ "8 ปี มนารมย์ ส่งเสริมสุขภาพจิตสังคมไทย" โดยมี นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย มาให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรม ปัญหาการเรียน อาทิ ภาวะความบกพร่องในการเรียนรู้ (Learning Disabilities : LD) และโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder : ADHD) ร่วมกับครูแนะแนว ครูประจำชั้น ร่วม 60 คน

"จริงๆ แล้วส่วนสำคัญที่สุด คือพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยู่กับเด็กมากที่สุด แต่ในฐานะที่เป็นครู อยู่ในโรงเรียน 8 ชั่วโมงต่อวัน จะสามารถทำอะไรที่ช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ที่ได้ดีที่สุด กรณีที่เด็กเป็นแอลดี มีความผิดปกติทางสมอง ต้องใจเย็นให้มากกว่านี้ เวลาที่คุยกับผู้ปกครอง จะด้วยความรัก ด้วยความเป็นห่วง จะแนะนำผู้ปกครองว่า ต้องมาช่วยกัน เป็นห่วงว่าเด็กเรียนรู้ค่อนข้างช้ากว่าปกติ ถ้าเป็นไปได้ อยากให้คุณพ่อคุณแม่พาน้องไปพบนักจิตวิทยาแต่จะไม่ฟันธงว่าเด็กเป็นแอลดี ถ้าพูดแบบนี้ไปผู้ปกครองก็จะปิดกั้นได้" ครูเก่ง กล่าว

ครูอำไพพิศ บุนนาค ครูชำนาญการพิเศษ ศูนย์การศึกษาพิเศษ เล่าเทคนิคการสอนเด็กแอลดี ว่าต้องเข้าใจผู้ปกครองส่วนหนึ่งว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกผิดปกติโอกาสที่ผู้ปกครองจะปฏิเสธมีสูงมาก อยู่ที่วิธีการพูดคุยของคุณครู คนที่ใกล้ชิดที่จะถ่ายทอดให้ผู้ปกครองฟังว่าสิ่งที่เด็กกำลังเป็นสามารถแก้ไขได้ ต้องอาศัยการพูดคุยอย่างมีมิตรภาพ พด้วยความนุ่มนวล จะทำให้ผู้ปกครองยอมรับได้ส่วนหนึ่ง และเพื่อมาพบคุณหมอก็จะมีการยอมรับที่มากขึ้น

ครู หรือผู้ปกครองสนใจภาวะความบกพร่องในการเรียนรู้ (แอลดี) และโรคสมาธิสั้น (เอดีเอชดี) ดูข้อมูลได้ที่ www.manarom.com และเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้ที่ดูแล ผู้สูงอายุ ที่มีภาวะสมองเสื่อม ได้ทุกวันอังคาร 13.30-14.30 ที่โรงพยาบาลมนารมย์ สอบถามโทร.0-2725-9595 ต่อ 2222

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน 2557

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

คำสำคัญ: , คมชัดลึก

No comments:

Post a Comment